หูฟังไร้สาย : แนะนำ 10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ใส่ทำงานก็เยี่ยม ใส่ใช้ชีวิตประจำวันก็ใช่

by admin
188 views
หูฟังไร้สาย

หากคุณเป็นคนที่ชอบความเงียบสงบในการอ่านหนังสือ ทำงานที่ออฟฟิต หรือ ช่วงเวลาระหว่างการเดินทาง ไอเทมที่มีชื่อว่า หูฟังตัดเสียงรบกวน เป็นสิ่งที่จะช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างดี ในสมัยก่อน หูฟังไร้สาย ที่ออกแบบมาเพื่อตัดเสียงรบกวนมีขนาดใหญ่และราคาแพงเป็นอย่างมาก แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีบลูทูธและระบบแบตเตอรี่ที่ทันสมัยช่วยให้หูฟังมีขนาดเล็กและราคาถูกลง และมีประสิทธิภาพของคุณภาพเสียงดีกว่าสมัยก่อนมาก ในบทความนี้ Good Material ได้รวบรวม 10 หูฟังตัดเสียงรบกวนน่าใช้มาให้เพื่อนๆ ได้เลือกไปใช้งานครับ

หูฟังไร้สาย : แนะนำ 10 หูฟังตัดเสียงรบกวน

1.AUKEY EP-M1 Pro

AUKEY EP-M1 Pro เป็น หูฟังไร้สาย ผลิตโดย AUKEY แบรนด์คุณภาพจากประเทศเยอรมัน ผู้นำอันดับ 1 ด้านเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ยาวนานมากกว่า 15 ปี พร้อมการสนับสนุนในตัวสำหรับ PEEK + PU รับการเชื่อมต่อที่มั่นคงซึ่งให้เสียงที่มีความเที่ยงตรงสูง อีกฟังก์ชั่นที่น่าสนใจคือหูฟังบลูทูธรุ่นนี้สามารถเล่นเกมแบบไม่สะดุดด้วย ระบบ Game Compatible ไม่ต้องกดปุ่มหรือทัชใดๆเพียงแค่เล่นเกมหูฟังจะทำการปรับความเร็วในการเชื่อมต่อให้อัตโนมัติ สามารถเล่นเกม ฟังเพลง ดูฟัง โดยไม่ต้องเปลี่ยน Mode ให้เสียเวลา ไร้การรบกวนจากคลื่นสัญญาณ

รายละเอียดเบื้องต้นของสินค้า

  • เวลาเล่น 30 ชั่วโมง รวมทั้งตลับ
  • เสียงประสิทธิภาพสูงที่ขับเคลื่อนโดย Qualcomm Bluetooth Audio SoC ขั้นสูง
  • Hybrid Active Noise Cancelling ฟังก์ชั่นของ หูฟังตัดเสียงรบกวน โดยการลดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ ANC เพิ่มความแม่นยำเพื่อแยกเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การกันน้ำระดับ IPX4 ทนต่อเหงื่อในการออกกำลังกายที่หนักหน่วงและทุกสภาพอากาศ
  • จะพร้อมใช้งานเมื่อคุณนำออกจากเคสชาร์จ และจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่จับคู่ของคุณโดยอัตโนมัติ

1.AUKEY EP-M1 Pro


2.HUAWEI FreeBuds Pro

HUAWEI FreeBuds Pro หูฟังไร้สาย หูฟังตัดเสียงรบกวน ที่มาพร้อมกับลำโพงระบบ Intelligent Dynamic ANC (Active noise cancelation) จะสลับโหมดการตัดเสียงรบกวน ซึ่งรวมถึงโหมดอัลตร้า โหมดโคซี่ และโหมดทั่วไป พร้อมทั้งระบบการยกเลิกเสียงรบกวนการโทรสามครั้ง เพื่อลดเสียงพื้นหลัง และเพิ่มเสียงของมนุษย์ สำหรับการโทรที่คมชัด

รายละเอียดสินค้าหูฟังไร้สาย HUAWEI FreeBuds Pro

  • สี : Siver Frost / Carbon Black / Cceramic White
  • บลูทูธ 5.2
  • ระบบตัดเสียงรบกวน : ANC แบบไดนามิก
  • การกันน้ำ และฝุ่นละออง : IPX4
  • น้ำหนัก : หูฟังต่อข้าง : ประมาณ 6.1 กรัม / เคสชาร์จประมาณ 60 กรัม
  • ฟังได้นาน 8 ชั่วโมงและนานถึง 36 ชั่วโมงเมื่อใช้คู่กับเคสชาร์จ

2.HUAWEI FreeBuds Pro


3.Galaxy Buds Pro

Samsung Bud Pro เป็นหูฟังไร้สายที่ผลิตโดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอย่างบริษัท Samsung ทำให้มั่นใจในเรื่องคุณภาพและความทันสมัย หูฟังรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อระบบบลูทูธกับสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ไปได้ทุกที่โดยไม่ต้องมีโทรศัพท์” หมายถึง เราสามารถเชื่อมต่อหรือดึง Playlists ในโทรศัพท์มือถือไปยังหูฟังได้มากถึง 1,000 เพลง โดยไม่จำเป็นต้องพกโทรศัพท์มือถือติดตัวไป และยังมีระบบตรวจวัดระยะทาง การเผาผลาญ และข้อมูลเวลาการออกกำลังกายได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็น หูฟังตัดเสียงรบกวน ที่มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ปรับได้ 2 ระดับ และตัดเสียงรบกวนได้ถึง 99%

รายละเอียดเบื้องต้นของสินค้า

  • ระบบการเชื่อมต่อบลูทูธเวอร์ชั่น 5.0
  • ใช้งานได้สูงสุดถึง 28 ชม. (รวมเคส เมื่อใช้ฟังเพลง และปิด ANC) / ชาร์จ 5 นาที ใช้งานได้ 60 นาที
  • ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ปรับได้ 2 ระดับ และตัดเสียงรบกวนได้ถึง 99%
  • มาตรฐานกันน้ำ IPX7 (กันน้ำ 1 เมตร 30 นาที, แต่ในการใช้งานจริงไม่แนะนำให้นำไปใช้ในน้ำ)
  • สามารถอัพเดตซอฟท์แวร์ได้ผ่านการเชื่อมต่อกับแอพ Galaxy Wearable ในระบบแอนดรอยด์
  • รับประกันศูนย์ 12 เดือน

3.Galaxy Buds Pro
3.1.Galaxy Buds Pro


4.Apple Airpods Pro

Apple AirPods Pro หูฟังไร้สายอัจฉริยะจากบริษัท Apple ที่ถูกเรียกว่าเป็นหูฟังแห่งยุคเลยก็ว่าได้ ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่อเข้ากับทุกอุปกรณ์ของ Apple ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องคอยเชื่อมต่อใหม่ให้เสียเวลา เรื่องคุณภาพของเสียงคงไม่ต้องพูดถึงเพราะ Apple ยังคงทำได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย รวมไปถึงระบบการสั่งงานด้วยเสียงผ่านผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Siri

หูฟังไร้สายบลูทูธรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ในทุกกิจกรรม โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหลุดหรือหล่นได้ง่าย เพราะการออกแบบตามสรีระของหูที่ถูกต้องและได้มาตรฐาน ต่อให้ใส่ไปกระโดดไปก็ไม่ทำให้หลุดออกจากหูเราได้เลย สาวก Apple หรือใครที่ใช้ไอโฟนอยู่แล้ว Apple AirPods Pro จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่างๆได้มากยิ่งขึ้น

รายละเอียดเบื้องต้นของสินค้า

  • มีระบบอัจฉริยะในการเชื่อมต่อเข้ากับทุกอุปกรณ์ของ Apple เพียงแค่หยิบ AirPods Pro มาใส่ก็จะเชื่อมต่อกับอีกอุปกรณ์ได้ทันที
  • ระยะเวลาใช้งานต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง /และใช้งานได้สูงสุด 24 ชั่วโมงเมื่อมีเคสชาร์จ
  • ระยะเวลาในการชาร์จ 15 นาทีสามารถใช้งานได้ 3 ชั่วโมง /ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม ใช้เวลา 120 นาที
  • สามารถเชื่อมต่อ Siri เป็นผู้ช่วยส่วนตัวด้วยการกดที่ตัว AirPods Pro เพียง 2 ครั้ง เพื่อสั่งงานด้วยเสียง เช่น การโทร หรือค้นหาสถานที่ เป็นต้น
  • รับประกันศูนย์ iCare1 ปี

4.Apple Airpods Pro


5.SONY WF-1000XM3

SONY WF-1000XM3 Truly Wireless with Noise Cancelling หูฟังไร้สาย ที่มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ป้องกันเสียงรบกวนความละเอียดสูง QN1e และเซนเซอร์เสียงรบกวนแบบคู่ หูฟังไร้สายรุ่นนี้ยกระดับคุณภาพเพลงดิจิตอลด้วย DSEE HX ทำให้ไฟล์เหล่านั้นมีคุณภาพใกล้เคียงกับเสียงความละเอียดสูงมากขึ้น ฟังก์ชัน Quick Attention ช่วยให้คุณพูดคุยได้สะดวกโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก พร้อมกับการฟังที่เหนือกว่าด้วยชิปใหม่ของ Bluetooth® จะส่งผ่านเสียงไปยังหูข้างซ้ายและขวาพร้อมๆ กันเพื่อประสบการณ์การฟังที่สุดพิเศษ

รายละเอียดเบื้องต้นของสินค้า

  • ระบบการเชื่อมต่อบลูทูธเวอร์ชั่น 5.0
  • แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้สูงสุด 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหูฟังหนึ่งรอบ (1.5 ชั่วโมง) และสามารถใช้งานได้สูงสุด 24 ชั่วโมงเมื่อชาร์จเข้ากับเคสจนหมดรอบการใช้งาน (ใช้สาย USB-C ในการชาร์จ)
  • น้ำหนักหูฟังแต่ละข้างเพียง 9 กรัมเท่านั้น (ตัวเคสชาร์จน้ำหนักเพียง 77 กรัม)
  • Digital Noise Cancelling พร้อมโปรเซสเซอร์ป้องกันเสียงรบกวนความละเอียดสูง QN1e และเซนเซอร์เสียงรบกวนแบบคู่
  • ฟังก์ชัน Quick Attention ช่วยให้คุณพูดคุยได้สะดวกโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
  • รองรับการสั่งงานด้วยเสียงจาก Google Assistant ด้วยการแตะตัวที่ตัวหูฟังข้างขว

5.SONY WF-1000XM3

5.1SONY WF-1000XM3


6.Sennheiser Momentum True Wireless 2

Sennheiser หูฟังไร้สาย แบบอินเอียร์ รุ่น Momentum True Wireless 2 (M3IETW2) ที่มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ช่วยให้เพลิดเพลินกับเสียงสเตอริโอที่ไม่มีใครเทียบที่สร้างขึ้นโดยไดรเวอร์เสียงแบบไดนามิกขนาด 7 มม. ที่ไม่เหมือนใครของ Sennheiser ปิดเสียบรบกวนจากสภาพแวดล้อมของคุณและมุ่งเน้นไปที่เสียงทุ้มลึก เสียงกลางธรรมชาติ และเสียงแหลมที่ชัดเจนด้วยการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ

รายละเอียดเบื้องต้นของสินค้า

  • เข้ารหัสสัญญาณเสียง Qualcomm® aptXTM จึงให้คุณภาพเสียงคมชัดระดับ hi-fi
  • สามารถกันละอองน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX4
  • เข้ารหัสสัญญาณเสียง Qualcomm® aptXTM จึงให้คุณภาพเสียงคมชัดระดับ hi-fi
  • ใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 7 ชั่วโมง / สามารถชาร์จผ่านเคสใส่หูฟังที่มีแบตสำรองในตัว เพื่อยืดเวลาการใช้งานได้ยาวนานถึง 28 ชั่วโมง
  • ได้รับการออกแบบมาอย่างสมบูรณ์แบบและสวมใส่สบายตลอดทั้งวัน

6.Sennheiser Momentum True Wireless 2


 

7. 1More Dual Driver ANC Pro

1More Dual Driver ANC Pro หูฟังตัดเสียงรบกวน รุ่นใหม่เป็นการอัพเกรดจากรุ่นก่อนคือ 1MORE Dual Driver ANC Wireless การอัปเกรด“ Pro” นำเสนอความสามารถขั้นสูงในการตัดเสียงแบบไฮบริดที่รุ่นเดิมมีให้ เอียร์บัดแต่ละตัวถูกสร้างขึ้นด้วยไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนแบบฟีดฟอร์เวิร์ดและฟีดแบ็กที่ใช้งานได้เพื่อจับทั้งเสียงแวดล้อมและอินเอียร์ตามลำดับเพื่อการลดเสียงรบกวนที่ครอบคลุมและแม่นยำ นอกจากนี้ไมโครโฟนในตัว ENC (Environmental Noise Cancelling) ที่รวมกับอัลกอริทึม DNN (Deep Neural Network) จะวิเคราะห์และกรองเสียงรบกวนรอบข้างสำหรับการโทรที่คมชัดแม้ในการตั้งค่าเสียงดัง

รายละเอียดเบื้องต้นของสินค้า

  • Microphones ENC ช่วยให้การสนทนาราบรื่น ไม่มีติดขัด และเสียงรบกวนที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
  • 2 Levels of ANC (Active Noise Cancelling) ลดเสียงรบกวน 2 ระดับ สามารถลดเสียงรบกวนได้มากถึง 35dB
  • IPX5 Water Resistant ลุยได้เต็มที่ สามารถพกพาไปได้ทุกที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการโดนน้ำ
  • 20 Hours Playtime รองรับการใช้งานที่หนักหน่วง สามารถฟังได้ยาวนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้หูฟังเป็นระยะเวลานานๆ
  • Dual Drivers Hybrid การผสมผสานระหว่าง Dynamic Driver และ Balanced Armature ช่วยให้เสียงนั้นกลมกล่อมแบบสุดๆ

7. 1More Dual Driver ANC Pro
7.1 1More Dual Driver ANC Pro


8.Sony WH-1000XM4

Sony ในรุ่น WH-1000XM4 หูฟังไร้สาย มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวนขั้นสูงของหูฟัง WH-1000XM4 เมื่อความเงียบส่งให้เสียงเพลงคุณภาพสูงโดดเด่นและลงตัวด้วยฟีเจอร์อันชาญฉลาด เพื่อประสบการณ์การรับฟังที่ไม่มีใครเทียบ เทคโนโลยี Dual Noise Sensor ที่ใช้ไมโครโฟนสองตัวในหูฟังแต่ละข้าง เพื่อจับเสียงรอบข้างและส่งข้อมูลสู่ชิปประมวลผลตัดเสียงรบกวนระดับ HD QN1 ผ่านการออกแบบอัลกอริธึ่มชั้นสูงใหม่ เพื่อวางลำดับขั้นตอนใหม่ ทำแบบเรียลไทม์ เพื่อวิเคราะห์ตัดเสียงรบกวนตามสภาพอะคูสติกภายในพื้นที่หรือสถานที่ต่างๆ ตามจริง ทำงานร่วมกับชิปเชื่อมต่อเสียงไร้สายบลูทูธแบบใหม่ SoC (System on Chip)

รายละเอียดเบื้องต้นของสินค้า

  • คุณภาพเสียงระดับพรีเมี่ยม Hi-Res
  • ชาญฉลาดด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง Google Assistant, Amazon Alexa และ Siri
  • ประหยัดแบตเตอรี่ด้วย AI ชาญชฉลาด ตรวจจับการสวมใส่
  • เพียงสัมผัสที่หูฟัง ระดับความดังของเสียงเพลงจะลดลง พร้อมเปิดรับเสียงรอบข้างทันที

8.Sony WH-1000XM4


9.Marshall MID ANC Bluetooth

Marshall MID ANC Bluetooth หูฟังตัดเสียงรบกวน ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Bluetooth aptX สามารถให้เสียงแบบไร้สายคุณภาพสูงได้ ในขณะที่ช่วยทำให้เสียงรบกวนรอบตัวคุณเบาบางลง ให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีอันล้ำค่า โดยมีระยะเวลาการใช้งานแบบไร้สายยาวนานถึง 20 ชั่วโมงในขณะที่เปิดใช้งานระบบตัดเสียงรบกวน และใช้งานได้ยาวนานถึง 30+ ชั่วโมงหากไม่มีการใช้งานระบบตัดเสียงรบกวน เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ต้องการหูฟังที่ให้เสียงคุณภาพดีเยี่ยม การออกแบบหูฟังออนเอียร์รุ่นนี้ประกอบไปด้วยก้านคาดดีไซน์หรูหราที่หุ้มด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์สัมผัสนุ่ม

รายละเอียดเบื้องต้นของสินค้า

  • ระบบตัดเสียงรบกวนและ Bluetooth ได้ยาวนานถึง 20 ชั่วโมง
  •  ไดรฟ์เวอร์หูฟังรุ่น Mid A.N.C. สัมผัสเสียงอันเป็นเอกลักษณ์: หูฟัง Major III Bluetooth ประกอบด้วยไดรฟ์เวอร์ขนาด 40 มม. เพื่อเสียงที่หนักแน่น คมชัดและมีเสียงเบสแบบกำลังพอดี
  • ผลิตจากวัสดุคุณภาพ ร่วมด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์จาก MARSHALL หูฟังแบบสวมหูรุ่น Mid A.N.C. ประกอบด้วยสายครอบศีรษะห่อด้วยวัสดุไมโครไฟเบอร์แสนนุ่ม เติมความโดดเด่นด้วยชื่อแบรนด์ MARSHALL สีทองเหลืองและวัสดุส่วนที่เป็นโลหะสีดำ
  • ปุ่มคอนโทรลหลากทิศทาง: ช่วยให้คุณควบคุมการเล่นเพลง และใช้ร่วมกับฟังก์ชั่นต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือเช่น รับสาย วางสายได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วคลิก
  • สายขนาด 3.5 มม. แบบถอดออกได้กับสายชาร์จ USB รวมอยู่ในหูฟังรุ่นนี้ ชาร์จแบตด้วยการเชื่อมต่อกับสายหัวแจ๊คขนาด 3.5 มม. หรือชาร์จแบตด้วยสาย USB

9.Marshall MID ANC Bluetooth


10.Bose Headphones 700

Bose Headphones 700 หูฟังไร้สาย full size ตัวบอดี้นั้นออกแบบใหม่ให้มีความโดดเด่นมากขึ้น จากแค่เดิมที่ออกแบบให้ดูคลาสสิคไม่หวือหวา ก้านหูฟังนั้นทำจากสแตนเลสเพื่อความแข็งแรงทนทาน แต่มีขนาดเล็กไม่ใหญ่เกะกะ ในส่วนของ earcup นั้นจะมีขนาดที่พอดีกับใบหู ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไปครับ ใช้ฟองน้ำแบบ memory foam ที่มีความนุ่มนวล หุ้มด้วยหนังเทียมที่เพิ่มความหรูหราและป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก ใช้การควบคุมด้วยระบบสัมผัสที่ earcup ด้านขวาเป็นหลัก ส่วนปุ่มนั้นจะมีเพียงสามปุ่มได้แก่ ปุ่มเปิดปิด, ปรับระดับการตัดเสียงรบกวน, และปุ่มเรียกใช้งาน Google Assistant ครับ ใช้การชาร์จแบตเตอรี่ผ่านทางช่อง USB-C โดยภายในกล่องจะมีเคสสำหรับพกพามาให้ด้วยครับ

รายละเอียดเบื้องต้นของสินค้า

  • แบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง โดยใช้ระยะเวลาในการชาร์จประมาณ 2.5 ชั่วโมงครับ
  • การออกแบบตัวหูฟังนั้นมีความเพรียวบาง เรียบหรู พรีเมี่ยม ออกแบบให้สวมใส่ได้อย่างสบาย มีน้ำหนักเบาประมาณ 250 กรัม
  • มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี –  Black (สีดำ) และ Luxe Silver (สีขาวเทา)
  • ควบคุม สั่งการด้วยระบบสัมผัสที่ตัวหูฟังบริเวณโลโก้ BOSE
  • ไมโครโฟน 8 ตัว ในการรับเสียง และตัดเสียงรบกวนรอบด้าน ด้วยระบบ ANC (Active Noise Cancelling)
  • เชื่อมต่อไร้สายได้อย่างเสถียรกับ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 ใช้งานได้ไกลสูงสุด 9 เมตร

10.Bose Headphones 700

10.1 Bose Headphones 700


 

วิธีเลือกหูฟังตัดเสียงรบกวน : 6 คุณสมบัติที่ควรพิจารณา

1.เลือกหูฟังแบบครอบหู หรือ หูฟังแบบเอียร์บัด

การเลือกชนิดของหูฟังขึ้นอยู่กับความชอบและไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบหูฟังประเภทไหน  หูฟังไร้สายแบบเอียร์บัดจะให้คุณสมบัติในการตัดเสียงรบกวนได้อย่างดี และมอบความสะดวกในการพกพามากกว่าหูฟังแบบครอบหู ส่วนหูฟังตัดเสียงรบกวนชนิดครอบหูจะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความกระชับพอดี รวมถึงเสียงเบสที่มีความทุ้มลึก โดยเฉพาะรุ่นที่มีไดรเวอร์ไดนามิก

2.เลือกหูฟังตัดเสียงรบกวนที่มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ /ไฮบริด

ระบบในการตัดเสียงรบกวนมีอยู่สองถึงสามประเภท แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ระบบ ANC (Active Noise Cancelling) หูฟังตัดเสียงรบกวนที่สุดที่สุดในตลาดก็ใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อลดเสียงรบกวนรอบข้าง ช่วยให้สภาพแวดล้อมการฟังเพลงที่สะดวกสบายแม้ในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนรอบข้างสูง ANC จะใช้ไมโครโฟนขนาดเล็ก (ตัวประมวลเสียง) ที่รับเสียงรบกวนรอบข้างและวงจรตัดเสียงรบกวนซึ่งเป็นการสร้างคลื่นเสียงรบกวนทำหน้าที่เสมือนยางลบเสียง

3.ขนาดแบตเตอรี่

หูฟังไร้สายในยุคปัจจุบันส่วนมากนิยมผลิตออกมาให้มีแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ในตัว สำหรับหูฟังตัดเสียงรบกวนที่ดีควรเล่นต่อเนื่องได้อย่างยาวนาน แต่เมื่อรวมกล่องชาร์จควรใช้งานได้มากกว่า 20 ชั่วโมง

4.ขนาดและการจัดเก็บ

ขนาดเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะมันจะส่งผลต่อการพกพารวมถึงการใข้งาน สำหรับหูฟังตัดเสียงรบกวนแบบเอียร์บัดมาพร้อมขนาดที่เล็กสามารถพกพาได้ง่ายและสะดวก แต่สำหรับคนที่พิจารณาหูฟังไร้สายแบบครอบหูควรศึกษาว่าหูฟังสามารถพับเก็บได้อย่างสะดวกเพื่อง่ายต่อการพกพาไปใช้งานด้วยหรือไม่

5.ราคา

โปรเซสเซอร์เสียงและวงจรของหูฟังตัดเสียงรบกวนมีอิทธิพลอย่างมากต่อราคา ส่วนองค์ประกอบอื่นที่ส่งผลต่อราคาได้แก่ การออกแบบ ไดร์เวอร์ภายใน ขนาด และคุณภาพของวัสดุรวมถึงขั้นตอนการผลิต สำหรับปัจจัยด้านราคาของราคาถูกก็มีเหตุผลที่มันถูก การเลือกคุณสามารถพิจารณาจากงบประมาณที่มีซึ่งมีตั้งแต่ราคา 2,000 – 30,000 เลยครับ

6.การรับประกัน

สำหรับหูฟังตัดเสียงรบกวนส่วนมากจะใช้สำหรับการใส่ทำงานรวมถึงการเดินทาง ตัวหูฟังอาจมีการกระทบกระเทือน อาจะถึงขั้นทำตก นั่งทับ หรือเผลอเหยียบโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นการรับประกันสินค้าจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเช่นกัน ผลิตภัณฑ์ควรมีการรับประกันเต็มรูปแบบอย่างน้อย 12 เดือน รวมถึงมีนโยบายการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม

 

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถเลือกหูฟังตัดเสียงรบกวนที่ถูกใจเพื่อนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขและช่วยให้เพื่อนๆ เพลิดเพลินกับเสียงเพลง รวมถึงมีสมาธิในการทำงานมากยิ่งขึ้นครับ 🙂

 

  • หากท่านต้องการนำเนื้อหาหรือข้อมูลจากเว็ปเราไปใช้งานเพื่อเผยแพร่ให้ความรู้โดยไม่มีผลประโยชน์ โปรดติดลิ้งค์เครดิตกลับมาหาเราที่หน้านี้

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

Copyright © 2024 สงวนสิทธิ์ทุกประการ Good Material.asia