ในการใช้งานเครื่องจักรส่วนใหญ่แล้วเราหนีไม่พ้นเรื่อง ระบบไฮดรอลิค ซึ่งการทำงานของเครื่องจักร ประเภทนี้สำคัญที่ น้ำมันไฮดรอลิค เพราะถ้าไม่มีน้ำมันไฮดรอลิคเครื่องจักรก็ไม่สามารถทำงานได้ เปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายแต่สิ่งที่มักทำให้ระบบขัดข้องและเป็นสาเหตุให้เครื่องจักรต้อง หยุดการทำงาน สาเหตุก็มาจากน้ำมันไฮดรอลิก เป็นต้น เมื่อสิ่งปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิค (Oil Contamination) มีปริมาณสูงขึ้นจะส่งผลให้การทำงานส่วนต่างๆ ขัดข้องเหมือนคนติดเชื้อในกระแสเลือด
ในบทความนี้ Good Material จะอธิบายถึงสิ่งปนเปื้อนในน้ำมัน ชนิดของการปนเปื้อน ผลกระทบ และวิธียืดอายุน้ำมันไป 5 – 10 ปี โดยไม่ต้องเปลี่ยน!
ปัญหาพื้นฐานของ น้ำมันไฮดรอลิค กับผู้ใช้งาน
คุณรู้หรือไม่? ว่าในการทำงานของ ระบบไฮดรอลิค มีสิ่งที่ขัดแย้งกัน เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ โดยทั่วไปแล้วในโรงงานต่างๆ มีการเพิ่มภาระงานให้กับระบบไฮดรอลิค เช่น มีการเพิ่มภาระ Load, ปั้ม , มอเตอร์, เกียร์ เพื่อให้ได้ จำนวนสินค้าที่ผลิตมากขึ้น, ความเร็วที่การผลิตสูงขึ้น ทำให้เกิดผลเสียต่างๆโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะขณะที่ปั้มได้รับภาระให้เร่งการผลิตระบบแรงดันน้ำมันจะสูงขึ้น เมื่อแรงดันน้ำมันที่สูงขึ้น ส่งผลให้อุณหภุมิในน้ำมันสูงขึ้นตามไปด้วย เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นนั้นหมายถึงอัตราเร่งของการเกิดออกซิเดชั่นทำให้น้ำมันเสื่อมสภาพ ส่งผลให้เครื่องจักรมีอายุการใช้งานสั้นลงและพังในที่สุด ด้วยเหตุนี้เองการเปลี่ยนน้ำมันบ่อยและใช้น้ำมันหล่อลื่นที่มีคุณภาพสูงจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรให้ยาวนานขึ้น
ในขณะที่ฝ่ายการเงิน ฝ่ายจัดซื้อก็พยายามจ่ายให้น้อยที่สุด และพยายามใช้ของเหลวให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จาก การเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน ก็เลื่อนเป็น 6 เดือน, จาก 6 เดือนก็ เลื่อนเป็น 1 ปี และคาดหวังว่าน้ำมันถูกจะใช้ได้ดีที่สุด ยาวนานที่สุด
ปัญหาระหว่าง “คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ” เกิดขึ้นเสมอในโรงงานต่างๆ ทางออกของปัญหานี้คือ
- คุณต้องรู้ว่าคุณจะประหยัดเงินจากการซื้อน้ำมันใหม่ได้อย่างไร
- เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอหรือไม่?
- คุณจำเป็นต้องหยุดเครื่องจักร( Downtime ) ต่อไปไหม?
แค่คุณเปิดใจรับฟัง ความรู้ ความเข้าใจว่าเหตุใดถึงต้องเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่น ปัจจัยที่ส่งผลต่อระบบของน้ำมัน เราก็พร้อมที่จะนำเสนอเทคโนโลยีใดที่จะช่วยให้น้ำมันของคุณใช้งานได้ต่อไปอีก 5 – 10 ปี!!!
อายุการใช้งาน น้ำมันไฮดรอลิค คือเท่าใด ?
คำถามว่า อายุการใช้งานน้ำมันไฮดรอลิค คือเท่าไหร่? คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายประการไม่มีตัวเลขที่แน่นอน ซึ่งแปรผันตาม โครงสร้างของน้ำมันหล่อลื่น, คุณสมบัติของน้ำมันหล่อลื่น, คุณภาพของน้ำมันไฮดรอลิค สภาพแวดล้อมในการใช้งาน, ความเร็วของการปนเปื้อนที่เกิดขึ้น และความรู้ในการดูแลน้ำมันไฮดรอลิคของฝ่ายซ่อมบำรุง
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจเรื่องโครงสร้างของน้ำมันไฮดรอลิคเป็นอันดับแรก โครงสร้างของน้ำมันหล่อลื่นประกอบด้วย
Base Oil + Oil Additive = Lubrication
Base Oil (น้ำมันพื้นฐาน) คือ ส่วนประกอบของสารที่ถูกกดทับผ่านความดันอยู่ใต้พื้นโลกกว่าพันล้านปี จนได้ออกมาเป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน Hydrocarbon (C – H -O) ที่ อณูของสารไม่สามารถแตกสลายได้อีกต่อไป
Oil Additive (สารเติมแต่ง) คือ สารประกอบทางเคมีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการหล่อลื่นของน้ำมันพื้นฐาน สารเติมแต่งมีบทบาทสำคัญด้วยกันสามประการ
- เพิ่มคุณสมบัติของน้ำมันพื้นฐานที่มีอยู่ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Oxidation) สารยับยั้งการกัดกร่อน สารป้องกันฟอง และสารขจัดคราบ ฯลฯ
- ยับยั้งคุณสมบัติของน้ำมันพื้นฐานบางประการ และปรับปรุงด้วยสารเพิ่มความหนืด (VI)
- มอบคุณสมบัติใหม่ให้กับน้ำมันพื้นฐาน (Base Oil)
อายุของน้ำมันไฮดรอลิค จะสามารถใช้งานได้นานแค่ไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติในน้ำมันหล่อลื่นยังอยู่ครบถ้วนหรือไม่ และสิ่งปนเปื้อนในน้ำมันมีมาก จนทำลายคุณสมบัติของน้ำมันเพียงใด โดยปกติน้ำมันจะเริ่มมีสิ่งปนเปื้อนมากเกิดมาตรฐาน จนส่งผลต่อเครื่องจักร คือระยะเวลา 6 สัปดาห์ หรือประมาณ 1,000 – 1,500 ชั่วโมงของการทำงาน
ถ้าคุณไม่สามารถรักษาความสะอาดควมคุมสิ่งปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิกได้ดีพอ คุณสมบัติของน้ำมันจะเสียในที่สุดและคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันใหม่ นั้นคือสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้ จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับว่าปริมาณของสิ่งปนเปื้อน ยิ่งสิ่งปนเปื้อนมากก็ยิ่งทำลายคุณสมบัติของน้ำมัน
แต่ถ้าคุณสามารถควบคุมสิ่งปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิคได้อย่างดี ควบคุมปริมาณเศษอนุภาคที่เจือปน ควบคุมน้ำและควบคุมความชื้น ควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไป และออกซิเดชั่น Total Acid Number (TAN) ให้อยู่ในปริมาณเหมาะสมได้ตลอดเวลา หรือ อย่างน้อยก็สามารถกำจัดได้ทันก่อนที่เครื่องจักรจะเสียหาย รวมถึงคงสภาพของสารเติมแต่ง (Oil Additive) รักษาคุณสมบัติของการเป็นสารหล่อลื่นและป้องกันเครื่องจักร น้ำมันของคุณจะก็สามารถใช้ได้ 5 – 10 ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยน
แหล่งที่มาของสิ่งปนเปื้อนใน ระบบไฮดรอลิค
1.การปนเปื้อนภายใน (Built – In Contamination)
การปนเปื้อนในตัวเกิดขึ้นเมื่อมีเสี้ยนหรือเศษเหลือทิ้งจากการตัด เจีย เจาะ เชื่อม กลึก โลหะ ของอะไหล่ใน ระบบไฮดรอลิค ชิ้นส่วนเหล่านี้บางส่วนยังคงอยู่ในระบบภายใน หลังจากที่ระบบเริ่มทำงานเศษจะถูกเคลื่อนไปพร้อมกับน้ำมันไฮดรอลิกผ่านปั้มไฮดรอลิก ผ่านกระบอกไฮดรอลิกของคุณทำให้เกิดการเสียดสีบนผนังของอุปกรณ์และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ ปั้มไฮดรอลิค กระบอกไฮดรอลิกเสียหายบางส่วน หรือในบางกรณีมันทำให้เสียหายถาวร
ทริค !! การปนเปื้อนภายใน สามารถป้องกันได้โดยการล้าง ระบบไฮดรอลิค ของคุณเมื่อติดตั้งส่วนประกอบใหม่หรือเมื่อเครื่องเพิ่งผ่านการยกเครื่อง นอกเหนือจากการล้างระบบแล้วการติดตั้งตัวกรองที่มีประสิทธิภาพถือเป็นวิธีการในการช่วยควบคุมการปนเปื้อนภายในนี้ได้
2.การปนเปื้อนที่เข้ามาภายหลัง (Contamination introduced during maintenance)
การเปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิคเป็นประจำ จะช่วยทำให้ ระบบไฮดรอลิค ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ยนแปลงของน้ำมันที่เข้าไปในระบบอาจจะเป็นสาเหตุของการปนเปื้อนได้เช่นกัน
หากน้ำมันใหม่ที่คุณเติมเข้าสู่ระบบมีสิ่งสกปรกในรูปของฝุ่น พลาสติก หรือสิ่งเจือปนในรูปของน้ำและความชื้น อยู่แล้วสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้จะเข้าไปสู่ระบบของคุณในที่สุด น้ำมันไฮดรอลิคใหม่สามารถมีสิ่งปนเปื้อนได้จากคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ และการเก็บน้ำมันที่ไม่ได้มาตรฐาน ความชื้นในอากาศระหว่างขนส่ง จะส่งผลต่อคุณภาพของน้ำมันทั้งสิ้น
ทริค!! ก่อนที่คุณจะเติมน้ำมันใหม่ลงในระบบ คุณต้องตรวจสอบค่าความสะอาดของน้ำมันว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่คุณได้กำหนดไว้หรือไม่ และเพื่อความปลอดภัยคุณควรติดตั้งระบบสำหรับกรอง น้ำมันไฮดรอลิค ก่อนที่จะเติมเข้าไปในระบบ
3.การปนเปื้อนระหว่างการทำงาน (Generated Contamination)
สิ่งปนเปื้อนระหว่างที่เครื่องจักรทำงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ เพราะเครื่องจักรมีการเคลื่อนไหว เสียดสีอยู่ตลอดเวลา การเสียดสีก่อให้เกิดเศษของอะไหล่ที่หลุดลอกออกมา ระหว่างการทำงานความชื้นในอากาศเข้าไปผสม และความร้อนยังส่งผลต่อโมเลกุลของน้ำมัน สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเสมอ คุณจึงจะต้องกำจัดสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดเพื่อป้องกันน้ำมันเสื่อมสภาพ และเป็นการป้องกันเครื่องจักรเสียหาย
คุณต้องจำให้ดีว่าเมื่อเวลาผ่านไปการปนเปื้อนที่เกิดขึ้นเพียงน้อยนิดจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของระบบไฮดรอลิกของคุณ ทุกหน่วยของการปนเปื้อนที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการปนเปื้อนมากยิ่งขึ้น ลุกลามเหมือนโดมิโน ที่เป็นอันตรายต่อเครื่องจักร การปนเปื้อนระหว่างการทำงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี้ยงไม่ได้ แต่สามารถควบคุมและป้องกันได้
หัวข้อถัดไปผมจะพูดถึง สิ่งปนเปื้อนในน้ำมัน Oil Contamination ในหัวข้อชนิดของสิ่งปนเปื้อนอย่างละเอียดอีกครั้งครับ!!
ผลกระทบของสิ่งปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิค
ผลกระทบที่มองเห็นของสิ่งปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิค คือ คุณต้องเปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิคบ่อยขึ้นทำให้ ต้นทุนในการซื้อน้ำมันใหม่สูงขึ้น เมื่อซื้อน้ำมันใหม่แล้ว น้ำมันเสียเก่าก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการกำจัดให้เป็นไปตามมาตรฐานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบที่มองไม่เห็นของสิ่งปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิค คือ เนื่องจากสิ่งสกปรกในน้ำมันไฮดรอลิคเป็นสาเหตุให้เครื่องจักรต้องหยุดเดิน (Machine Downtime) สำหรับการเปลี่ยนอะไหล่ และซ่อมบำรุง ต้นทุนที่มองไม่เห็นคือ ผลกำไรที่หายไประหว่างเครื่องจักรหยุดการผลิต!! ทั้งยังไม่รวมถึงต้นทุนค่าเปลี่ยนอะไหล่ เช่น ซีล โอริง หรือ ในบางกรณีที่ร้ายแรงต้องเปลี่ยนปั้ม กระบอกไฮดรอลิค เพราะผลกระทบจากสิ่งสกปรกในน้ำมัน (Oil Contamination) ทั้งสิ้น
จากรายงานของ Aberdeen Research พบว่าทุกๆปีที่ผ่านไปค่าใช้จ่ายในการหยุดทำงาน (Machine Downtime) โดยเฉลี่ยต่อชั่วโมงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของปี 2014 ค่าใช้จ่ายในการหยุดทำงานโดยเฉลี่ยต่อชั่วโมงอยู่ที่ 164,000$ (ประมาณ 5 ล้านบาท/ชั่วโมง) และพบว่าในปัจจุบันจะเพิ่มขึ้นเป็น 260,000$ (ประมาณ 8 ล้านบาท/ชั่วโมง) และมีแนวโน้มที่ต้นทุนส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่การผลิตเกือบทั้งหมดทำโดยเครื่องจักร
ประเภทของสิ่งปนเปื้อนใน น้ำมันไฮดรอลิค (Oil Contamination Type)
จากการศึกษาของ Dr. E Rabinowicz จากสถาบัน M.I.T สังเกตการทำงานและปัญหา Machine Downtime พบว่า 70% ของการที่เครื่องจักรไฮดรอลิคต้องเปลี่ยนชิ้นส่วน/อะไหล่นั้น หรือหมดสภาพการใช้งาน เกิดจากการเสื่อมสภาพของพื้นผิวในระบบไฮดรอลิค
- 20% ของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นผลมาจากการกัดกร่อน (Oxidation)
- 50% มาจากการสึกหรอทางกล (Solid Particle)
การปนเปื้อนของ น้ำมันไฮดรอลิค มีดังนี้ครับ
การปนเปื้อนของอนุภาคของแข็ง Solid Particle
อนุภาคของแข็ง (Solid Particle) เป็นสารปนเปื้อนที่ก่อให้เกิดปัญหาในระบบไฮดรอลิคเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากอนุภาคมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความเสียหายมากที่สุด อนุภาคของแข็งที่พบได้มากที่สุดในการปนเปื้อนได้แก่ ฝุ่น และ เศษโลหะ เป็นสิ่งปนเปื้อนจากระหว่างกระบวนการทำงานของเครื่องจักร หากในน้ำมันไฮดรอลิคมีอนุภาคอยู่ในระดับดับใดก็ตาม ก็จะส่งผลต่อระบบและสร้างความเสียหายได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าอนุภาคนั้นจะอ่อนนุ่มเพียงใด (ให้คิดถึงเศษพลาสติกในกางเกง)
เมื่ออนุภาคเข้าสู่ระบบจะเริ่มค่อยๆสะสมและสร้างอนุภาค “ระหว่างเครื่องจักรทำงาน Generated Contamination” มากขึ้นเป็นทวีคูณเหมือน Snow Ball เศษอนุภาคหนึ่งจะเข้าไปเสียดสี ขูด กด ทับ ต่อส่วนประกอบของระบบไฮดรอลิคอื่นๆและเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ความสามารถในการทำลายล้างของเศษอนุภาค ขึ้นอยู่กับ ขนาด ความแข็ง น้ำหนัก และ การเขาถึงของเศษอนุภาคว่าไปอยู่ที่ส่วนใด
หากอนุภาคในน้ำมันไฮดรอลิค (Solid Particle) เข้าสู่เขตวิกฤตได้จะส่งผลร้ายแรง เช่น เศษอนุภาคเข้าสู่ ร่องระหว่างลูกกลิ้งและแบริ่งขณะทำงาน หรือ เข้าสู่กระบอกไฮดรอลิคขณะเคลื่อนที่ด้วยความดันและความเร็วสูง แรงดันหว่างการทำงานที่มากจะเพิ่มความเสียหายมากขึ้น การปนเปื้อนของอนุภาคจะมีอยู่ในอุปกรณ์เป็นส่วนหนึงของ น้ำมันไฮดรอลิค และหมุนเวียนอยู่ในระบบ จนกว่าคุณจะกำจัดออก
ขั้นตอนเริ่มแรกของการกำจัดสิ่งปนเปื้อน คือ การกำหนดค่าปริมาณของสิ่งปนเปื้อนที่จะยอมรับได้ โดยปกติจะใช้มาตรฐาน NAS หรือ ISO4406 เพื่อระบุค่าที่ต้องการ ผู้ผลิตเครื่องจักรมักจะระบุค่าที่แนะนำมาให้เพื่อการใช้งานที่ต่อเนื่องและเสียหายน้อยที่สุด เช่น ในน้ำมันไฮดรอลิคไม่ควรมีค่าเกิน ISO Cleanliness Code 13/11/09 เป็นต้น
เมื่อกำหนดค่าระดับความสะอาดของน้ำมันแล้ว คุณจำเป็นต้องตรวจสอบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง และ กำจัดสิ่งปนเปื้อนออกให้ทันก่อนที่เครื่องจักรจะเสียหาย!!
ขนาดขออนุภาควัดด้วยหน่วยของ Micrometre “µm”
- ไมครอน : Micron = Micrometre = µm (ค่า Micron คือ หน่วยมาตรฐานสำหรับวัดอนุภาคของสิ่งสกปรกในน้ำมัน)
- 1 Micron = 0.001 mm (0.000039 inch)
- 10 micron = 0.01 mm (0.004 inch)
- ขีดจำกัดของสายตามนุษย์ที่จะมองเห็นสิ่งของขนาดเล็กได้คือต้องใหญ่กว่า 40 µm
วิธีเพิ่มอายุการใช้งานน้ำมันไฮดรอลิค
อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าไม่มีตัวเลขที่แน่นอนสำหรับอายุของน้ำมันไฮดรอลิกว่าจะใช้งานได้นานแค่ไหน เพราะสภาพการใช้งาน แหล่งที่มาของการปนเปื้อน ชนิดของสารหล่อลื่น คุณภาพรวมถึงประปริมาณของสารปรุงแต่ง ล้วนมีผลต่ออายุการใช้งาน แต่ไม่ว่าเหตุผลคือสิ่งใด ถ้าคุณสามารถทำตามคำแนะนำสามประการนี้ได้ ก็จะช่วยให้คุณยืดอายุของน้ำมันได้อย่างแน่นอน
1.เลือกน้ำมันไฮดรอลิคคุณภาพดี
อย่างที่คุณทราบว่า น้ำมันไฮดรอลิค (Hydraulic Oil) คือส่วนผสมของ น้ำมันพื้นฐาน Base Oil กับ สารปรุงแต่ง Oil Additive การที่จะวัดว่าคุณภาพของน้ำมันดีหรือไม่ดี จึงพิจารณาได้จาก 2 ส่วนนี้
- น้ำมันพื้นฐาน Base Oil เป็นน้ำมันพื้นฐานที่มาจากการขุดน้ำมันปิโตเลี่ยมและนำมากลั่น คุณภาพของน้ำมันฐานขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของการกลั่น มีตั้งแต่ Group 1 – 5 ยิ่งตัวเลขสูงมากเท่าใดประสิทธิภาพจะยิ่งมากขึ้น เช่น การทนความอุณหภูมิ ร้อนจัด และหนาวจัด ได้สูงกว่าปกติ
- สารปรุงแต่ง Oil Additive เป็นสารเคมีที่เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณสมบัติต่างๆของน้ำมัน ให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น เช่น เพิ่มคุณสมบัติการหล่อลื่น การลดการเกิดฟอง ลดการเกิดออกซิเดชั่น
การที่น้ำมันหล่อลื่นมีราคาถูกหรือแพง คุณภาพดีหรือแย่ล้วนมาจาก 2 ปัจจัยนี้ทั้งสิ้น การเลือกน้ำมันที่คุณภาพดี จากผู้ผลิตหรือจัดจำหน่ายน้ำมันที่เชื่อถือได้ หมายถึงคุณจะได้ น้ำมันที่มีปริมาณสารเติมแต่งสูง ซึ่งจะช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้ดียิ่งขึ้น สารเติมแต่งช่วยให้เครื่องจักรสึกหรอน้อยลง ลดการเปลี่ยนอะไหล่ ได้อีกด้วย
แต่ถ้าคุณเลือกน้ำมันไฮดรอลิค จากราคาเพียงอย่างเดียว เอาถูกไว้ก่อน สิ่งที่คุณอาจจะได้คือ น้ำมันฐาน (Base Oil) ที่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่งน้ำมัน (Oil Additive) ที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
“เพื่อให้คิดภาพตามง่ายๆ น้ำมันไฮดรอลิคราคาถูก ก็เหมือนกับคุณสั่งโอวัลตินที่ถูกชงโดยใส่ผงโกโก้และนมข้นปริมาณน้อย รสชาติมันก็บางๆจางๆแหละครับ”
เมื่อน้ำมันผ่านการใช้งานสารปรุงแต่งต่างๆที่น้อยอยู่แล้ว จะค่อยๆหมดไปจากการเกิด Oxidation จนน้ำมันของคุณไม่มีคุณสมบัติในการปกป้องเครื่องจักรถ้าคุณทนใช้ก็จะส่งผลให้เครื่องจักรสึกหรอจนต้องหยุดการทำงานเพื่อซ่อมแซม (Machine Downtime) สารปรุงแต่งน้อยเท่าใด ความเร็วในการเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นจะเร็วมากขึ้นเท่านั้น
**คุณควรเลือกน้ำมันที่มีคุณภาพดี มีสารปรุงแต่งในปริมาณมากถึงจะสามารถใช้งานได้นาน!!
2.วิเคราะห์น้ำมันอย่างสม่ำเสมอ
การวิเคราะห์น้ำมันหล่อลื่นเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะรู้ความเป็นไปของน้ำมันและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันถ้วงที การวิเคราะห์น้ำมันหล่อลื่นสำหรับการยืดอายุน้ำมัน ควรวิเคราะห์ว่า ปริมาณสิ่งปนเปื่อน ความชื้นในน้ำมัน และค่าความเป็นกรด จากการเกิดออกซิเดชั่น มากเกินไปจนถึงเวลาเปลี่ยนน้ำมันแล้วหรือยัง คุณสามารถประเมินเบื้องต้นได้จาก
- วิเคราะห์ด้วยสายตา เช่น สีของน้ำมันเปลี่ยนไปหรือไม่ เช่น สีเข้มขึ้นจากสีของน้ำมันปกติเปลี่ยนไปจนดำสนิท ก็อนุมานได้ว่าน้ำมันหล่อลื่นมีอนุภาคของสิ่งเจือปน และมีการเกิด Oxidation ในน้ำมัน หรือ มีความขุ่น อาจจะขุ่นจนถึงขั้นเป็นนม ก็จะอนุมานได้ว่ามีน้ำเข้ามา ผสม แต่อย่างไรก็ตามต้องนำน้ำมันไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกที
- วิเคราะห์โดยการส่งแลป (Off line Oil analysis) การส่งน้ำมันไปให้แลป หรือ ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ จะช่วยให้เราได้ค่าที่แม่นยำว่าน้ำมันหล่อลื่นอยู่ในสถานะใด ควรเปลี่ยน หรือ ยังใช้งานได้ แต่การตรวจสอบเพื่อที่จะสามารถประเมินการยืดอายุน้ำมันคุณควรจะส่งน้ำมันไปตรวจสอบทุกๆ 5 – 10 วันครั้ง จนถึงเวลาที่น้ำมันเสื่อมสภาพและส่งผลต่อเครื่องจักร และนำมาเก็บเป็นสถิติผลการเปลี่ยนแปลงของน้ำมันในเครื่องจักรของคุณ เมื่อคุณได้ค่าความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องคุณจะรู้ว่า ณ จุดใดควรให้ผู้เชี่ยวชาญมาบริการกรองยืดอายุน้ำมัน หรือ ณ จุดใดที่น้ำมันใช้การไม่ได้แล้วจะต้องเปลี่ยน
- On Line Oil Analysis การตรวจสอบน้ำมันแบบ On line จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในส่วนของ Sensor ที่มีประสิทธิภาพมาช่วยวัดผล หาค่าความเปลี่ยนแปลงของน้ำมันอยู่ตลอดเวลา
Oil Sensor ในเครื่องจักรของ OilPure Thailand
**การวิเคราะห์อยู่ตลอดทำให้คุณทราบ Life Cycle ของน้ำมันว่ายังสามารถกรองกำจัดสิ่งปนเปื้อนเพื่อยืดอายุน้ำมันได้อยู่หรือไม่
- หากท่านต้องการนำเนื้อหาหรือข้อมูลจากเว็ปเราไปใช้งานเพื่อเผยแพร่ให้ความรู้โดยไม่มีผลประโยชน์ โปรดติดลิ้งค์เครดิตกลับมาหาเราที่หน้านี้