ลำโพงบลูทูธ ไอเทมที่หลายคนขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้ดูหนังฟังเพลงเวลาอยู่บ้าน หรือเอาไปใช้กิจกรรมนอกบ้านอย่างปิกนิก หรือแม้แต่ออกไปเที่ยวพักผ่อนตามโรงแรม รีสอร์ท หลายคนก็ชอบพกลำโพงบลูทูธตัวโปรดไปด้วย ลำโพง Marshallนอกจากประสิทธิภาพเรื่องเสียง การเชื่อมต่อที่สะดวกสบาย บางรุ่นยังสามารถพกพาไปได้ทุกที่ คงเป็นเรื่องการออกแบบและดีไซน์สุดคลาสสิกเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้ อย่างที่เราจะเห็นว่าหลายคนเอา ลำโพง Marshall ไปเป็นหนึ่งในพร็อพตกแต่งห้องหรือเป็นพร็อพถ่ายรูปลงโซเชียล Goodmaterial จะมาแนะนำลำโพง Marshall แต่ละรุ่น พร้อมราคาให้เพื่อน ๆ ได้ตามไปช้อปกัน
ทำไมหลายคนเลือกซื้อ ลำโพง Marshall ?
Marshall แบรนด์จากอังกฤษ ก่อตั้งโดย จิม มาร์แชล ซึ่งเป็นผู้ผลิตแอมป์กีตาร์ ลําโพง และหูฟัง Marshall เป็นหนึ่งในแอมป์กีตาร์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก ซึ่งแบรนด์ก็ขึ้นชื่อด้านเครื่องขยายเสียง (Amplifiers) ระดับไฮเอนด์โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเพลง Marshall ก็ได้วางแผนที่จะเข้าสู่ตลาดมวลชนมากขึ้นโดยแตะไปที่ธุรกิจลำโพงระดับไฮเอนด์ ผ่านการมอบความสมดุลของเสียงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมด้วยดีไซน์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่หลายคนตกหลุมรักจนยอมควักเงินซื้อ ลำโพง Marshall
ด้วยวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่อยากสนับสนุนนักดนตรีและคนรักเสียงเพลง คาแรคเตอร์ของแบรนด์ก็มักนำเสนอลำโพงให้เป็นมากมากกว่าลำโพง โดยการนำเสนอความคลาสสิกและเสียงที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ด้วย
โดยในปัจจุบันมี ลำโพง Marshall มีให้เลือกมากมายหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็นรุ่นเด่น ๆอย่าง Marshall Acton II Bluetooth, Stanmore II Bluetooth, Stockwell II, Kilburn II ที่ล้วนแล้วแต่เป็นรุ่นที่อัพเกรดมาให้ทันยุคทันสมัย และยังมีรุ่นใหม่ ๆอย่าง Uxbridge Voice, Emberton และ Tufton อีกด้วย แต่หลาย ๆรุ่นก็มีหน้าตาที่เหมือนกันจนแยกแทบไม่ออกว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
แนะนำ Marshall Home Speaker
เริ่มกันด้วยซีรีส์แรกกับ Marshall Home Speaker ที่มีให้เลือกถึง 3 รุ่น และมีให้เลือก 3 สีคือ White, Black และ Brown โดยแต่ละรุ่นก็มาพร้อมหน้าตาและฟังก์ชั่นที่เหมือนกันแทบทุกประการ ไม่ว่าจะป็น การเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ที่รองรับ Codec ไร้สาย aptX ช่องเสียบสาย AUX/3.5 mm. รองรับการเชื่อมต่อ Smartphone 2 เครื่องต่อลำโพง 1 เครื่อง และเชื่อมต่อลำโพง 2 เครื่องต่อ Smartphone 1 เครื่องผ่าน Application Marshall Bluetooth
ด้านบนของลำโพงมาพร้อมจุดเด่นของแบรนด์อย่างแผงควบคุม Control Knob ประกอบไปด้วย ปุ่ม Source, ปุ่มหมุนสำหรับเพิ่ม/ลดเสียง เสียงเบส และเสียงแหลม, ปุ่มเล่น/หยุดเพลง และปุ่มสำหรับเปิด/ปิด ข้อเสียของรุ่นนี้คือ เนื่องจากเป็น Home Speaker จึงไม่มีแบตเตอรี่ภายในตัว ทำให้ต้องเสียบปลั๊กไฟตลอดการใช้งาน
1.Acton II Bluetooth
รุ่นน้องเล็กของซีรีส์นี้ มาพร้อมกับขนาดเล็กกะทัดรัดเพียง 260 x 160 x 150 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 2.85 กิโลกรัม สเปครองรับความถี่ที่ 50 – 20,000 Hz มีแรงขับที่ 60 Watts เหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีขนาด 30 ตารางวา หรือประมาณทาวน์โฮม
2.Stanmore II Bluetooth
รุ่นกลางของซีรีส์ด้วยขนาดที่ 350 x 195 x 185 มิลลิเมตร น้ำหนักที่ 4.65 กิโลกรัม ในรุ่นนี้ได้เพิ่มช่องเชื่อมต่อ RCA เข้ามา รวมถึงรองรับการแปลงเป็น Amp กีต้าร์อีกด้วย สำหรับสเปครองรับความถี่เสียงที่ 50 – 20,000 Hz แรงขับที่ 80 Watts เหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีขนาด 50 ตารางวา หรือบ้านเดี่ยวหลังเล็ก
3.Woburn II Bluetooth
รุ่นใหญ่สุดของซีรีส์นี้ ด้วยขนาดที่ใหญ่ถึง 400 x 310 x 200 มิลลิเมตร น้ำหนักที่ 8.55 กิโลกรัม เพิ่มช่อง RCA และรองรับการเป็น แอมป์กีต้าร์แบบเดียวกับ Stanmore II Bluetooth พร้อมด้วยสเปคจัดเต็มโดยรองรับความถี่เสียงที่ 30 – 20,000 Hz พร้อมแรงขับเสียงที่สูงถึง 130 Watts เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่ขนาด 100 ตารางวา หรือบ้านแฝด รวมถึงยังสามารถใช้บริเวณสวนนั่งเล่นไปจนถึงสนามฟุตบอลได้อีกด้วย
แนะนำ Marshall Portable Speaker
สำหรับซีรีส์ Marshall Portable Speaker มาพร้อมจุดเด่นตามชื่อซีรีส์ คือ ตอบโจทย์การใช้งานแบบพกพา โดยทุกรุ่นจะมาพร้อมแบตเตอรี่ภายในตัวที่ใช้งานได้นานถึง 20 ชั่วโมง เชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 เป็นพื้นฐาน รองรับการเชื่อมต่อลำโพง 1 เครื่องต่อ Smartphone 2 เครื่อง สามารถควบคุมจาก Smartphone เครื่องใดก็ได้อย่างลื่นไหล และมาพร้อมความกันน้ำ ซึ่งจะมีระดับการกันน้ำที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละรุ่น แน่นอนว่าเรื่องเสียงจะมีความแตกต่างจากในซีรีส์ Home Speaker โดยให้แนวเสียงที่ฟังง่าย ให้รายละเอียดเสียงได้ครบถ้วน พร้อมเสียงเบสแบบพอดี ๆ ตอบโจทย์การฟังเพลงแทบทุกแนว
1.Emberton
น้องเล็กรุ่นใหม่ล่าสุดจากซีรีส์แบบพกพา เป็น ลำโพง Marshall 2020 ที่มาพร้อมขนาดกะทัดรัด 68 x 160 x 76 มิลลิเมตร ถือพกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 0.7 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนของวัสดุเป็นยางขัดผิวคล้ายหนังซึ่งสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ กันน้ำที่มาตรฐาน IPX7 (กันน้ำลึก 1 เมตรไม่เกิน 30 นาที) และสเปครองรับความถี่ที่ 60 – 20,000 Hz แรงขับ 20 Watts ให้เสียงรอบทิศทาง 360 องศา ตอบโจทย์พื้นที่ใช้งานกว้างราว ๆ 30 ตารางเมตร
2.Stockwell II
ใหญ่ขึ้นมาหน่อยกับขนาดที่ 180 x 161 x 70 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.38 กิโลกรัม กับสีที่มีให้เลือกถึง 4 สีคือ Black, Grey, Indigo และ Black & Brass พิเศษด้วยหมุดด้านข้างขนาดเดียวกับหมุดใส่สายสะพายบนกีต้าร์สำหรับใส่หูหิ้ว และยังมาพร้อมช่องเชื่อมต่อ AUX/3.5 mm. อีกด้วย กันน้ำที่มาตรฐาน IPX4 สเปครองรับความถี่ที่ 50 – 20,000 Hz แรงขับ 20 ตอบโจทย์พื้นที่ใช้งานกว้างราว ๆ 30 ตารางเมตร
3.Kilburn II
รุ่นนี้ขนาดอยู่ที่ 243 x 162 x 140 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม มี 4 สีให้เลือก ช่องเชื่อมต่อ AUX/3.5 mm. และหมุดใส่สายสะพายแบบเดียวกันกับรุ่น Stockwell II พิเศษด้วยการรองรับ Codec ไร้สาย aptX เป็นรุ่นเดียวในซีรีส์นี้ กันน้ำด้วยมาตรฐาน IPX2 และสเปครองรับความถี่ที่ 52 – 20,000 Hz แรงขับ 36 Watts ตอบโจทย์พื้นที่ใช้งานกว้างราว ๆ 50 ตารางเมตร
4.Tufton
รุ่นที่ใหญ่ที่สุดในซีรีส์ลำโพงพกพา มีขนาดอยู่ที่ 229 x 163 x 350 มิลลิเมตร เท่า ๆ กับการวางรุ่น Stanmore II Bluetooth ในแนวตั้ง ส่วนน้ำหนักกำลังดีอยู่ที่ 4.9 กิโลกรัม มาพร้อมหมุดหูหิ้ว และช่อง AUX/3.5 mm. กันน้ำมาตรฐาน IPX2 และสเปครองรับความถี่ที่ 50 – 20,000 Hz แรงขับสูงถึง 80 Watts ตอบโจทย์พื้นที่ใช้งานราว ๆ 100 ตารางเมตร
Marshall Home Speaker vs Marshall Portable Speaker
สิ่งที่หลายคนมักจะนึกถึงเป็นข้อแรกเมื่อพูดถึง ลำโพง Marshall ก็คือเรื่อง เสียง ต้องบอกเลยว่าลำโพงทั้ง 2 ซีรี่ส์ข้างต้นนั้น มีแนวเสียงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยในซีรี่ส์ Home Speaker จะให้แนวเสียงเน้นไปโทนอุ่น เบสหนักแน่นกระหึ่มถึงใจ เหมาะกับการฟังเพลงแนวดนตรีสด หรือแนว Rock ที่เน้นเบสเป็นหลัก ซึ่งจะแตกต่างจากซีรี่ส์ Portable Speaker ที่ให้แนวเสียงเหมาะกับการฟังเพลง Jazz, Bossa และ Pop ที่เป็นแนวเสียงสไตล์ทั่วไป ฟังง่าย และให้รายละเอียดเสียงได้ครบ
ไอเดีย ลำโพง Marshall กับการตกแต่งห้อง
” ลำโพง Marshall ของแท้ร้านดังจาก Shopee “
Marshall Official Store ใน Shopee ก็มีนะครับ
ไปยังร้านค้า
จากร้าน true.officialshop
จากร้าน bananaonlineshop
จากร้าน MEGALINK ELECTRONICS
“รีวิวจากผู้ซื้อจริงน่าเชื่อถือ ราคาไม่แรง เราขอแนะนำเลยครับ”
วิธีเลือกซื้อ ลำโพงบลูทูธ ?
จริง ๆ ลำโพงบลูทูธ ยังมีให้เลือกซื้ออีกหลายยี่ห้อที่ดีไม่แพ้กัน ใครที่กำลังจะหาซื้อแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เราขอแนะนำคร่าว ๆ ดังนี้สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อลำโพงบลูทูธที่ดีที่สุด คือ จุดประสงค์หลักของการใช้ลำโพงนั้น เพราะลำโพงบางตัวอาจเหมาะใช้ในบ้าน บางตัวอาจเหมาะใช้นอกบ้าน หรือใช้ในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งเป็นพิเศษ แล้วเราค่อยพิจารณาสิ่งต่อไป
1.ดีไซน์ภายนอก
เหตุผลแรก ๆของการเลือกซื้อ ลำโพงบลูทูธ ก็ต้องเป็นเรื่องดีไซน์ภายนอก ทั้งในเรื่องความสวยงาม ขนาด ความสะดวกสบายในการใช้งานและการพกพาเสียงเพลงไปยังที่ต่าง ๆได้ง่าย แต่ละคนก็จะมีวิธีการเลือกหรือความชอบที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะเน้นว่าต้องเล็กและเบา พกพาง่าย หรือบางคนอาจจะชอบแบบไม่ต้องเล็กมากก็ได้แต่เน้นดีไซน์สวยเป็นหลัก เป็นต้น
2.คุณภาพเสียง
คุณภาพเสียงอาจไม่ใช่สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงเมื่อจะซื้อลำโพงบลูทูธสักตัว แต่มันก็เป็นสิ่งที่หลายคนแอบคาดหวังจากการซื้อลำโพงอยู่แล้วว่าจะได้ฟังเสียงเพราะ ๆจากลำโพงตัวนั้น ลำโพงบลูทูธจำนวนมากหลากหลายแบรนด์ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษอะไรมากนัก แต่เน้นให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม ซึ่งลำโพงที่ดีเสียงจะต้องมีความคลีน (Clean Sound) หรือมีเสียงที่หนาชัดเจนแต่ฟังสบาย เสียงต้องไม่แหลมหรือเบสหนักจนเกินไป
พลังเสียง : ลำโพงบลูทูธบางตัวจะมีการระบุพลังเสียงไว้ในหน่วยวัตต์ สิบวัตต์ก็คือดังมากแล้ว แต่ในกรณีที่เป็นลำโพงบลูทูธขนาดเล็กสำหรับห้องขนาดใหญ่หรือสำหรับใช้ภายนอกอาคาร ก็จำเป็นต้องใช้พลังเสียงที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่างที่เราบอกว่า ต้องพิจารณาให้ได้ก่อนว่า จุดประสงค์หลักของการใช้ลำโพงนั้นคืออะไร
3.ความทนทาน
เพราะลำโพงแบบพกพาบางตัวไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อพกพาไปข้างนอกหรือใช้ริมสระน้ำ ริมชายหาด เราอาจจะต้องมองหาลำโพงที่มีระดับ IP (Ingress Protection) คือ ระดับการป้องกันสิ่งต่างๆ ที่เข้าสู่ตัวเครื่องของผลิตภัณฑ์อย่างเช่นน้ำ และควรมีรับประกันการกันน้ำและกันการกระแทก หากคุณต้องการพกพาลำโพงตัวนั้นไปข้างนอกหรือใช้กับกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการโดนน้ำ
4.รุ่นของบลูทูธ
สำหรับรุ่นของบลูทูธ Bluetooth v.1 เป็นรุ่นแรกที่ออกมาเมื่อหลายปีก่อน และหาอุปกรณ์ที่จะใช้ในตอนนี้ได้ยากมาก Bluetooth 2.1 มีให้เห็นได้เยอะมาก แต่ก็มีผลิตภัณฑ์มากมายที่ใช้บลูทูธเวอร์ชันที่ใหม่กว่า อย่างเช่น Bluetooth 4.0 และ Bluetooth 5.0 รุ่นของบลูทูธยิ่งใหม่ก็ยิ่งสามารถแสดงเสียงได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ดังนั้น หากลำโพงบลูทูธมี Bluetooth 2.1 ขึ้นไปก็ถือว่าใช้ได้แล้ว เวอร์ชันที่สูงกว่าอาจจะมีความสามารถเพิ่มเติมสำหรับทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งในกรณีลำโพง Bluetooth 2.1 ก็ถือว่าโอเคแล้ว
5.แบตเตอรี่
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา เพราะเราก็คงไม่อยากมานั่งชาร์จลำโพงอยู่ทุกชั่วโมง แต่ก็ต้องเข้าใจว่าลำโพงขนาดเล็กมักจะมีแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่าและใช้งานได้ไม่นาน ลำโพงที่ใหญ่กว่าบางรุ่นอาจใช้งานได้นานถึง 24 ชั่วโมงเลยก็มี ซึ่งระยะเวลาการใช้งานของลำโพงโดยทั่วไปอาจอยู่ที่สี่ถึงสิบชั่วโมง ยิ่งเราเปิดลำโพงดังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้กระแสไฟมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเราจะซื้อลำโพงบลูทูธควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวนานเพียงพอสำหรับกิจกรรมที่เราต้องการหรือไม่
สรุปเคล็ดลับในการเลือกซื้อลำโพงบลูทูธสำหรับเรา ก็คือ การได้ฟังเสียงที่ดี พร้อมด้วยดีไซน์ที่เราต้องการ ในราคาที่เราจ่ายได้
- หากท่านต้องการนำเนื้อหาหรือข้อมูลจากเว็ปเราไปใช้งานเพื่อเผยแพร่ให้ความรู้โดยไม่มีผลประโยชน์ โปรดติดลิ้งค์เครดิตกลับมาหาเราที่หน้านี้
- ข้อมูลอ้างอิง: 1